top of page

Search Results

พบ 183 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา

โพสต์ในบล็อก (63)

  • ประหยัดจริง! วิธีนั่ง Airport Shuttle Bus ฟรี เชื่อม 2 สนามบิน (ดอนเมือง ↔ สุวรรณภูมิ)

    Airport Shuttle Bus สำหรับนักเดินทางที่ต้องต่อเครื่อง (Connecting Flight) ระหว่าง  ท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK)  และ  ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK)  การเดินทางข้ามสนามบินจะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป! บริการ Airport Shuttle Bus คือตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายและเดินทางสะดวกสบายอย่างเหลือเชื่อ เพราะ  ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย  ตลอดเส้นทาง! 🚌 สรุปข้อมูลสำคัญของ Airport Shuttle Bus ข้อมูลสำคัญ รายละเอียด ค่าบริการ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เวลาให้บริการ 05:00 น. – 24:00 น. (ทุกวัน) ความถี่ของรถ รถออกทุก ๆ 30 นาที ระยะเวลาเดินทาง ประมาณ 1–2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพจราจร) ✅ ใครบ้างที่สามารถใช้บริการฟรีได้? (เงื่อนไขสำคัญ) บริการ รถ Shuttle Bus ฟรี นี้  จำกัดเฉพาะผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินปลายทางในวันเดียวกันเท่านั้น  ผู้โดยสารที่ไม่ได้เดินทางไปขึ้นเครื่อง หรือประชาชนทั่วไป ไม่สามารถใช้บริการได้ เอกสารที่ต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อใช้บริการ: บัตรโดยสาร (Ticket) ของเที่ยวบินถัดไป  หรือ บัตรขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) ที่จะเดินทางออกจากสนามบินปลายทางของท่าน  ในวันที่เดินทาง 📍 จุดขึ้น-ลงรถ Airport Shuttle Bus (DMK ↔ BKK) คุณสามารถเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสองสนามบินหลักของกรุงเทพฯ ได้อย่างง่ายดายตามจุดให้บริการที่กำหนด ดังนี้: เส้นทาง จุดขึ้นรถ (Origin) จุดลงรถ (Destination) ดอนเมือง ➡️ สุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 1 ประตู 6 ชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ชั้น 4 ประตู 5 สุวรรณภูมิ ➡️ ดอนเมือง ชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ชั้น 2 ประตู 3 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 3 ประตู 7-8 หมายเหตุ: รถจะจอดรอรับผู้โดยสารประมาณ 15 นาที ในแต่ละรอบ 📞 ข้อมูลเพิ่มเติมและการติดต่อ ครั้งหน้าเมื่อต้องเดินทางต่อเครื่องข้ามสนามบิน อย่าลืมใช้บริการ Airport Shuttle Bus เพื่อความสะดวก ประหยัด และราบรื่นในทุกทริปของคุณนะคะ! หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบริการรถบัสสนามบินฟรี นี้ สามารถสอบถามข้อมูลการให้บริการได้ที่ AOT Contact Center โทร. 1722

  • ✈️ อัปเดตด่วน! การบินไทยปรับนโยบายกระเป๋าครั้งใหญ่ เปลี่ยนจาก "น้ำหนัก" เป็น "จำนวนชิ้น" (เริ่มเที่ยวบิน มี.ค. 69)

    การบินไทยปรับนโยบายกระเป๋า สายเที่ยว สายบิน เตรียมตัวให้พร้อม! การบินไทย (Thai Airways) ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายการโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องครั้งสำคัญ โดยเปลี่ยนจากระบบเดิมที่คิดตาม "น้ำหนักรวม" (Weight Concept) มาเป็นระบบ "จำนวนชิ้น" (Piece Concept)  เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับใคร เมื่อไหร่ และเราจะได้โควตากระเป๋ากี่ใบ? bbag  สรุปประเด็นสำคัญมาให้แล้วครับ เช็คเลยก่อนจัดกระเป๋าทริปหน้า! 📅 เริ่มใช้เมื่อไหร่? กฎใหม่นี้เริ่มบังคับใช้สำหรับบัตรโดยสารที่เข้าเงื่อนไขดังนี้ครับ: วันที่จอง/ออกตั๋ว :  ตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน 2568  เป็นต้นไป วันที่เดินทาง :  ตั้งแต่ 02 มีนาคม 2569  เป็นต้นไป ใครจองตั๋วช่วงนี้เพื่อบินปีหน้า ต้องดูตารางใหม่นี้เลย! 🌏 1. เส้นทางระหว่างประเทศ (International) Piece Concept Thai Airway 🇹🇭 2. เส้นทางภายในประเทศ (Domestic) สำหรับบินในประเทศ จำง่ายมากครับ "ได้คนละ 1 ชิ้น"  ทุกชั้นโดยสาร แตกต่างกันที่น้ำหนักครับ Royal Silk Class:  1 ชิ้น (32 กก.) Economy Class (ทุกประเภท):  1 ชิ้น (23 กก.) ⚠️ กฎเหล็กเรื่อง "ขนาด" ที่ห้ามลืม! อันนี้สำคัญมากสำหรับลูกค้า bbag! ในระบบ Piece Concept นอกจากน้ำหนักแล้ว "ขนาดของกระเป๋า" ก็เคร่งครัดขึ้น 👉 กระเป๋าทุกชิ้น ต้องมีขนาดรวม (กว้าง + ยาว + สูง) ไม่เกิน 158 ซม. (หรือ 62 นิ้ว) สรุปจาก bbag : การเปลี่ยนมาใช้ระบบ "จำนวนชิ้น" หมายความว่าเราไม่สามารถรวมน้ำหนักหลายๆ ใบเข้าด้วยกันได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าโควตาบอกว่า 1 ชิ้น 23 กก. แม้คุณจะมีกระเป๋าเล็กๆ 2 ใบที่น้ำหนักรวมกันไม่ถึง 23 กก. ก็ไม่สามารถโหลดฟรีได้ (ต้องจ่ายค่าน้ำหนักเกินใบที่ 2) Tips:  การมีกระเป๋าเดินทางที่ "น้ำหนักเบา" แต่ "จุของได้เยอะ" และมี "ขนาดได้มาตรฐาน (ไม่เกิน 158 ซม.)" จึงสำคัญมากๆ ในยุคนี้ เพื่อให้คุณใช้โควตาน้ำหนัก 23 หรือ 32 กก. ต่อใบได้อย่างคุ้มค่าที่สุด 🎒 มองหากระเป๋าเดินทางคู่ใจใบใหม่ที่ตอบโจทย์กฎการบินไทย แวะมาเลือกช้อปที่ bbag.co.th  ได้เลยครับ เราคัดมาให้แล้วว่าเป๊ะทุกใบ!

  • Genderless Bag: กระเป๋าไร้เพศ ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูแพง ทำไมถึงเป็นเทรนด์แฟชั่นที่ทุกคนต้องมี?

    Genderless Bag แฟชั่นกำลังก้าวข้ามทุกข้อจำกัด  และไม่มีอะไรจะสะท้อนความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ดีเท่ากับเทรนด์ Genderless Bag  หรือ กระเป๋าไร้เพศ  อีกแล้ว   กระเป๋าเหล่านี้ไม่ใช่แค่ไอเทมที่ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของ สไตล์ที่อยู่เหนือกาลเวลา  และ ความคุ้มค่าในการลงทุน ที่สายแฟชั่นยุคใหม่กำลังมองหา BBag จะพาคุณมาเจาะลึกว่าทำไมดีไซน์ที่ เรียบง่ายแต่ดูแพง  ถึงกลายเป็นเทรนด์ และชี้เป้า กระเป๋ามินิมอล  จากร้านของเราที่คุณไม่ควรพลาด! 1. 🔑 ถอดรหัส: ทำไม Genderless Bag ถึง "ดูแพง" และเป็นเทรนด์? ดีไซน์ไร้เพศมักถูกยกให้เป็น Investment Piece  เพราะองค์ประกอบสำคัญของมันคือความคลาสสิก: เน้นฟังก์ชันเหนือแฟชั่น (Functionality First): กระเป๋า Genderless ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้ ใช้งานได้จริง  มีพื้นที่จุของที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต้องพกแล็ปท็อป แท็บเล็ต หรือของใช้ส่วนตัวที่มากขึ้นในแต่ละวัน ทำให้ไม่ว่าเพศไหนถือก็ดูคล่องตัว วัสดุและโครงสร้างคือหัวใจ:  ความหรูหราของ กระเป๋ามินิมอล ดูแพง  ไม่ได้อยู่ที่โลโก้หรืออะไหล่ แต่คือ คุณภาพของวัสดุ  และ รูปทรงที่คมชัด  การใช้หนังเรียบ, ผ้าแคนวาสหนา, หรือวัสดุเกรดพรีเมียมในโทนสีกลาง ทำให้กระเป๋าดูสง่างาม ไม่ว่าจะถือกับชุดสูทหรือลุคสตรีท โทนสีคลาสสิก (Neutral Palette):  สีหลักของ แฟชั่นไร้เพศ คือ ดำ, เทา, น้ำตาล, กรมท่า, และเบจ ซึ่งเป็นสีที่ แมตช์ได้กับทุกชุด ทุกโอกาส  ทำให้คุณประหยัดเวลาในการเลือกกระเป๋าให้เข้ากับลุค 💡 BBag Insight:  ลองสังเกต กระเป๋า Unisex  จะเน้นช่องเก็บของที่ใช้งานง่ายและซิปที่แข็งแรงทนทาน 2. 🖤 ชี้เป้า! 3 รุ่น Genderless Bag จาก bbag ที่ต้องมีติดตู้ ที่ bbag เราคัดสรร กระเป๋าไร้เพศ ที่เน้นความเรียบหรูและตอบโจทย์การใช้งานได้จริง ลองมาดูกระเป๋า 3 แบบ ที่กำลังมาแรงและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุน: The Classic Shell Luggage (กระเป๋าล้อลาก Cabin/Check-in) ดีไซน์:   กระเป๋าล้อลาก  ทรงกล่อง/สี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่เน้นพื้นผิวเรียบด้าน (Matte Finish) หรือมีเส้นสายเป็นแนวตั้ง/แนวนอนที่คมชัด Genderless Point:   สีโมโนโครม  (Monochrome เช่น ดำด้าน หรือ Cool Grey) และไม่มีโลโก้ฉูดฉาด เน้นระบบล็อค TSA Lock  และ ล้อคู่ที่เงียบและลื่น ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สำคัญกว่าแฟชั่นฉาบฉวย รุ่นที่แนะนำ Caggioni SEASONS : กระเป๋าที่ออกแบบมาเพื่อก้าวผ่านทุกฤดูกาลการเดินทางของคุณ NinetyGo Modern : การเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลและเงียบกริบ เน้นความปลอดภัยสูงสุด Echolac Super Trunk : คลาสสิก ดูหรูหราแบบ Timeless  และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว The Signature Weekender Duffel (กระเป๋าถือ/สะพายสำหรับทริปสั้น) ดีไซน์:   กระเป๋า Duffel  (ทรงกระบอก/ถุงทรงยาว) ที่ทำจากวัสดุผ้าเคลือบกันน้ำ/แคนวาสหนา ที่ดูมีราคา Genderless Point:  ทรงนี้เป็นทรง Unisex  ที่สุด เน้นขนาดที่พอดีสำหรับ Carry-on หรือเป็น กระเป๋าเสริมเดินทาง สำหรับทริป 2-3 วัน มีสายสะพายไหล่ที่นุ่มและแข็งแรง พร้อมช่องใส่รองเท้า/ช่องเปียกด้านข้าง รุ่นที่แนะนำ Caterpillar Utility X Duffle : กระเป๋า 2-in-1 ที่เกิดมาเพื่อ 'ความอเนกประสงค์สูงสุด' Caterpillar Antarctic Duffel M : กระเป๋าเดินขนาดกลางที่สร้างมาเพื่อ 'การใช้งานที่หนักหน่วง' The Utility Backpack (กระเป๋าเป้สะพายหลัง) ดีไซน์:   กระเป๋าเป้  ที่มีดีไซน์เป็นทรงกล่อง หรือทรงเหลี่ยมที่เน้นความเรียบง่าย ไม่มีช่องเล็กช่องน้อยด้านนอกมากเกินไป Genderless Point:  ฟังก์ชันครบครันสำหรับใส่ Laptop และอุปกรณ์ Gadget ต่าง ๆ มีสายรัดอก/รัดเอว เพื่อความกระชับ คล่องตัว วัสดุกันน้ำ  เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้กระเป๋านี้เหมาะกับทุกเพศและทุกสภาพอากาศ รุ่นที่แนะนำ Echolac Purist : กระเป๋าเป้สะพายหลังที่ผสมผสาน 'ความเรียบง่าย (Purist)' และ 'ความทันสมัยหรูหรา' เข้าด้วยกันอย่างลงตัว NinetyGo Detachable 3-in-1 : สำหรับผู้ใช้งานในเมืองและนักเดินทางที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงสุด ด้วยคอนเซ็ปต์ '3-in-1' 3. ✅ อิสระในการเดินทาง เริ่มต้นที่ bbag การเลือก กระเป๋าเดินทาง Genderless  คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เพราะเป็นการลงทุนใน คุณภาพ  และ สไตล์ที่ยั่งยืน  ไม่ว่าคุณจะเดินทางแบบไหน ไปกับใคร หรือสไตล์การแต่งตัวแบบใด กระเป๋าเหล่านี้ก็จะทำให้ทริปของคุณดูลงตัวเสมอ   🛒 ช้อปเลย!  ค้นหา กระเป๋าเดินทางมินิมอล ที่แข็งแรงและดูดีที่สุดได้ที่หมวดหมู่ต่างในร้าน bbag.co.th bbag - สไตล์ที่เรียบง่าย แต่การเดินทางไม่เคยเรียบง่าย!

ดูทั้งหมด
bottom of page