top of page

Search Results

พบ 184 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา

โพสต์ในบล็อก (64)

  • คู่มือฉบับสมบูรณ์: กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว ขึ้นเครื่องได้ไหม? พร้อมเช็คกฎสายการบินยอดนิยม!

    กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว ขึ้นเครื่องได้ไหม กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว ขึ้นเครื่องได้ไหม?  คำถามคลาสสิกที่นักเดินทางทุกคนต้องเคยสงสัย! คำตอบแบบรวดเร็วและชัดเจนคือ "ไม่ได้" ! กระเป๋าเดินทางขนาด 24 นิ้ว จัดเป็นขนาดกลาง ซึ่งใหญ่เกินกว่าข้อกำหนดของสัมภาระติดตัวที่นำขึ้นห้องโดยสาร (Carry-on) และจำเป็นต้องนำไป โหลดใต้เครื่อง (Check-in luggage) เสมอ ✈️ กระเป๋าเดินทางที่ "ขึ้นเครื่องได้" (Carry-on) ต้องขนาดเท่าไหร่? โดยทั่วไปแล้ว กฎมาตรฐานสากลและของสายการบินส่วนใหญ่กำหนดขนาดของสัมภาระที่สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้ (Carry-on) ไว้เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการจัดเก็บในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ (Overhead Compartment) 📏 ขนาดมาตรฐานของกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Carry-on) กระเป๋าเดินทางที่จะขึ้นเครื่องได้จะต้องมีขนาดอยู่ระหว่าง 20 นิ้ว ถึง 22 นิ้ว  เท่านั้น! ขนาดสูงสุด (รวมล้อและหูหิ้ว) การวัดมาตรฐานโดยประมาณ 20 นิ้ว 56 x 36 x 23 เซนติเมตร 22 นิ้ว 56 x 45 x 25 เซนติเมตร 💡  ข้อควรรู้:  น้ำหนักสูงสุดของกระเป๋า Carry-on  มักจะถูกจำกัดอยู่ที่ 7 ถึง 10 กิโลกรัม  เท่านั้น ซึ่งกระเป๋า 24 นิ้วที่ใส่ของเต็มแล้ว มักจะมีน้ำหนักเกินขีดจำกัดนี้ ดังนั้น หากคุณมี กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว ไม่ว่าจะสวยงามขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถนำติดตัวขึ้นห้องโดยสารได้ ต้องนำไปโหลดใต้เครื่องบินเท่านั้น 🚫 ทำไม "กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว" ถึงต้องโหลด? กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว  (โดยเฉลี่ยมีขนาดประมาณ 60 x 40 x 25 เซนติเมตร) ถูกออกแบบมาสำหรับการเดินทางตั้งแต่ 5-7 วันขึ้นไป ซึ่งมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่สายการบินจะอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้: ใหญ่เกินช่องเก็บสัมภาระ:  กระเป๋าขนาด 24 นิ้วไม่สามารถใส่เข้าไปในช่องเก็บของเหนือศีรษะได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดอันตรายจากการตกหล่นหรือกีดขวางทางเดิน น้ำหนักเกินกำหนด:  ด้วยความจุที่มากกว่า กระเป๋า 24 นิ้ว เมื่อใส่ของเต็ม มักจะมีน้ำหนักเกิน 10 กิโลกรัม ซึ่งเกินข้อจำกัดของสัมภาระถือขึ้นเครื่อง ความคล่องตัวในห้องโดยสาร:  หากมีกระเป๋าขนาดใหญ่จำนวนมากบนเครื่อง จะทำให้การจัดเก็บและการอพยพกรณีฉุกเฉินเป็นไปได้ยากขึ้น 🎯 เช็คกฎการโหลดสัมภาระของสายการบินยอดนิยม (สำหรับกระเป๋า 24 นิ้ว) เมื่อกระเป๋า 24 นิ้วจำเป็นต้องโหลดใต้เครื่อง สิ่งที่คุณต้องเช็คต่อคือ น้ำหนักและจำนวนชิ้น  ที่สายการบินอนุญาตให้โหลดฟรี (Free Baggage Allowance) ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชั้นโดยสารและเส้นทางการบิน สายการบิน น้ำหนักรวมสูงสุดที่โหลดฟรี (โดยประมาณ) หมายเหตุสำคัญสำหรับกระเป๋า 24 นิ้ว Thai Airways (การบินไทย) ชั้นประหยัด: 20-30 กก. (ขึ้นอยู่กับเส้นทาง) เป็นไปตามกฎสัมภาระโหลดใต้เครื่อง ขึ้นอยู่กับเส้นทางและชั้นที่นั่ง Thai Lion Air มีน้ำหนักสัมภาระโหลดฟรี (ตามเส้นทางที่กำหนด) กระเป๋า 24 นิ้ว มักจะอยู่ภายใต้น้ำหนักที่ซื้อเพิ่มหรือรวมในตั๋วแล้ว AirAsia ไม่มีสัมภาระโหลดฟรี (ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่ม) สำคัญ:  ต้องซื้อน้ำหนักโหลดใต้เครื่องแยกต่างหาก (เริ่มต้นที่ 20 กก. หรือ 25 กก.) Nok Air มีสัมภาระโหลดฟรี 20 กก. (สำหรับ Nok X-tra) ขึ้นอยู่กับประเภทตั๋วที่ซื้อ ถ้าเป็นตั๋วถูกอาจต้องซื้อเพิ่ม VietJet Air ไม่มีสัมภาระโหลดฟรี (ต้องซื้อน้ำหนักเพิ่ม) สำคัญ:  ต้องซื้อน้ำหนักโหลดใต้เครื่องเพิ่ม ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณและเวลาที่ซื้อ คำแนะนำจาก bbag :  สำหรับกระเป๋า 24 นิ้ว ให้เน้นการตรวจสอบ น้ำหนักสูงสุด  ที่คุณสามารถโหลดได้ และหากเป็นสายการบินโลว์คอสต์ (Low-Cost Airline) อย่าลืมซื้อน้ำหนักสัมภาระล่วงหน้า เพราะราคาจะถูกกว่าการซื้อที่หน้าเคาน์เตอร์เช็คอินมาก! ✅ สรุปและเคล็ดลับจาก bbag เพื่อให้ทริปของคุณราบรื่น: กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว  ต้องโหลดใต้เครื่องเสมอ หากต้องการถือขึ้นเครื่อง ต้องใช้ กระเป๋าเดินทาง 20 นิ้ว  หรือเล็กกว่าเท่านั้น เช็คและซื้อ น้ำหนักสัมภาระ  ล่วงหน้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ว่าคุณกำลังมองหา กระเป๋าเดินทาง 20 นิ้ว  สำหรับทริปสั้นๆ หรือต้องการ กระเป๋า 24 นิ้ว  คุณภาพดี ทนทาน สำหรับการเดินทางหลายวัน bbag  มีกระเป๋าหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทางของคุณ คลิกดูสินค้าที่เราแนะนำด้านล่างได้เลย   🛍️ ช้อปเลย: กระเป๋าเดินทาง

  • ประหยัดจริง! วิธีนั่ง Airport Shuttle Bus ฟรี เชื่อม 2 สนามบิน (ดอนเมือง ↔ สุวรรณภูมิ)

    Airport Shuttle Bus สำหรับนักเดินทางที่ต้องต่อเครื่อง (Connecting Flight) ระหว่าง  ท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK)  และ  ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK)  การเดินทางข้ามสนามบินจะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป! บริการ Airport Shuttle Bus คือตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายและเดินทางสะดวกสบายอย่างเหลือเชื่อ เพราะ  ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย  ตลอดเส้นทาง! 🚌 สรุปข้อมูลสำคัญของ Airport Shuttle Bus ข้อมูลสำคัญ รายละเอียด ค่าบริการ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เวลาให้บริการ 05:00 น. – 24:00 น. (ทุกวัน) ความถี่ของรถ รถออกทุก ๆ 30 นาที ระยะเวลาเดินทาง ประมาณ 1–2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสภาพจราจร) ✅ ใครบ้างที่สามารถใช้บริการฟรีได้? (เงื่อนไขสำคัญ) บริการ รถ Shuttle Bus ฟรี นี้  จำกัดเฉพาะผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินปลายทางในวันเดียวกันเท่านั้น  ผู้โดยสารที่ไม่ได้เดินทางไปขึ้นเครื่อง หรือประชาชนทั่วไป ไม่สามารถใช้บริการได้ เอกสารที่ต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อใช้บริการ: บัตรโดยสาร (Ticket) ของเที่ยวบินถัดไป  หรือ บัตรขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) ที่จะเดินทางออกจากสนามบินปลายทางของท่าน  ในวันที่เดินทาง 📍 จุดขึ้น-ลงรถ Airport Shuttle Bus (DMK ↔ BKK) คุณสามารถเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสองสนามบินหลักของกรุงเทพฯ ได้อย่างง่ายดายตามจุดให้บริการที่กำหนด ดังนี้: เส้นทาง จุดขึ้นรถ (Origin) จุดลงรถ (Destination) ดอนเมือง ➡️ สุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 1 ประตู 6 ชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ชั้น 4 ประตู 5 สุวรรณภูมิ ➡️ ดอนเมือง ชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ชั้น 2 ประตู 3 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 3 ประตู 7-8 หมายเหตุ: รถจะจอดรอรับผู้โดยสารประมาณ 15 นาที ในแต่ละรอบ 📞 ข้อมูลเพิ่มเติมและการติดต่อ ครั้งหน้าเมื่อต้องเดินทางต่อเครื่องข้ามสนามบิน อย่าลืมใช้บริการ Airport Shuttle Bus เพื่อความสะดวก ประหยัด และราบรื่นในทุกทริปของคุณนะคะ! หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบริการรถบัสสนามบินฟรี นี้ สามารถสอบถามข้อมูลการให้บริการได้ที่ AOT Contact Center โทร. 1722

  • ✈️ อัปเดตด่วน! การบินไทยปรับนโยบายกระเป๋าครั้งใหญ่ เปลี่ยนจาก "น้ำหนัก" เป็น "จำนวนชิ้น" (เริ่มเที่ยวบิน มี.ค. 69)

    การบินไทยปรับนโยบายกระเป๋า สายเที่ยว สายบิน เตรียมตัวให้พร้อม! การบินไทย (Thai Airways) ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายการโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องครั้งสำคัญ โดยเปลี่ยนจากระบบเดิมที่คิดตาม "น้ำหนักรวม" (Weight Concept) มาเป็นระบบ "จำนวนชิ้น" (Piece Concept)  เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับใคร เมื่อไหร่ และเราจะได้โควตากระเป๋ากี่ใบ? bbag  สรุปประเด็นสำคัญมาให้แล้วครับ เช็คเลยก่อนจัดกระเป๋าทริปหน้า! 📅 เริ่มใช้เมื่อไหร่? กฎใหม่นี้เริ่มบังคับใช้สำหรับบัตรโดยสารที่เข้าเงื่อนไขดังนี้ครับ: วันที่จอง/ออกตั๋ว :  ตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน 2568  เป็นต้นไป วันที่เดินทาง :  ตั้งแต่ 02 มีนาคม 2569  เป็นต้นไป ใครจองตั๋วช่วงนี้เพื่อบินปีหน้า ต้องดูตารางใหม่นี้เลย! 🌏 1. เส้นทางระหว่างประเทศ (International) Piece Concept Thai Airway 🇹🇭 2. เส้นทางภายในประเทศ (Domestic) สำหรับบินในประเทศ จำง่ายมากครับ "ได้คนละ 1 ชิ้น"  ทุกชั้นโดยสาร แตกต่างกันที่น้ำหนักครับ Royal Silk Class:  1 ชิ้น (32 กก.) Economy Class (ทุกประเภท):  1 ชิ้น (23 กก.) ⚠️ กฎเหล็กเรื่อง "ขนาด" ที่ห้ามลืม! อันนี้สำคัญมากสำหรับลูกค้า bbag! ในระบบ Piece Concept นอกจากน้ำหนักแล้ว "ขนาดของกระเป๋า" ก็เคร่งครัดขึ้น 👉 กระเป๋าทุกชิ้น ต้องมีขนาดรวม (กว้าง + ยาว + สูง) ไม่เกิน 158 ซม. (หรือ 62 นิ้ว) สรุปจาก bbag : การเปลี่ยนมาใช้ระบบ "จำนวนชิ้น" หมายความว่าเราไม่สามารถรวมน้ำหนักหลายๆ ใบเข้าด้วยกันได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าโควตาบอกว่า 1 ชิ้น 23 กก. แม้คุณจะมีกระเป๋าเล็กๆ 2 ใบที่น้ำหนักรวมกันไม่ถึง 23 กก. ก็ไม่สามารถโหลดฟรีได้ (ต้องจ่ายค่าน้ำหนักเกินใบที่ 2) Tips:  การมีกระเป๋าเดินทางที่ "น้ำหนักเบา" แต่ "จุของได้เยอะ" และมี "ขนาดได้มาตรฐาน (ไม่เกิน 158 ซม.)" จึงสำคัญมากๆ ในยุคนี้ เพื่อให้คุณใช้โควตาน้ำหนัก 23 หรือ 32 กก. ต่อใบได้อย่างคุ้มค่าที่สุด 🎒 มองหากระเป๋าเดินทางคู่ใจใบใหม่ที่ตอบโจทย์กฎการบินไทย แวะมาเลือกช้อปที่ bbag.co.th  ได้เลยครับ เราคัดมาให้แล้วว่าเป๊ะทุกใบ!

ดูทั้งหมด
bottom of page